Thursday, October 4, 2012

มันเลยจุดนั้นมาแล้ว…Becoming a legal alien in USA is not a fun experience

วันที่ 24 ธันวาคม (Christmas Eve) ก็จะครบ 6 ปีการใช้ชีวิตที่เมืองนอก (ก็เรียกให้หรูไปงั้นแหล่ะ) จริงๆก็ไม่เคยคิดว่าจะมาอยู่เมืองนอก แต่เคยฝัน ว่าอยากมาเที่ยว มาทำงานหาเงินเท่านั้น เพราะคิดเสมอว่าเราเป็นแค่ลูกชาวนา เราคงไม่มีโอกาสจริงๆในชีวิต

หลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นในชีวิต ณ ที่นี้ (ในทางที่ดีขึ้นๆ นะ) ไร้สาระบ้าง มีแก่นสารบ้างไรบ้างก็ว่ากันไป ใครๆหลายๆคนคิดว่าผู้หญิงไทยอยู่เมืองนอกสบาย เงินเยอะ (เพราะได้สามีฝรั่ง ตามความเชื่อ) แต่ว่าไม่ได้แต่งงานกะคนรวยนี่นา สามีเป็นมนุษย์เงินเดือน พอมีพอกินไม่เดือดร้อน :)

เรามีคติประจำใจอย่างหนึ่งที่ท่องเอาไว้และสอนหลานสาวเสมอว่า “เป็นลูกผู้หญิง ต้องอดทน” เพราะใครได้มาอยู่จะรู้จักคำว่า อดทนเป็นอย่างดี อดทนเรื่องอาหารการกิน เพราะเป็นคนไม่ชอบอาหารฝรั่ง วัฒนธรรมที่แตกต่าง ภาษาที่ไม่ใช่ภาษาไทย พูดกะใครก็ไม่ค่อยรู้เรื่องตอนมาอยู่ใหม่ ๆ ( ตอนนี้ก็ไม่ค่อยพัฒนาเท่าไร 55) ยิ่งคน Minnesota โดยเฉพาะครอบครัวคุณสามีกะเพื่อนๆเค้า ไม่เคยคุ้นเคยหรือไม่เคยพูดคุยกะพวกสำเนียงคนไทยอย่างเรา (ก็ไม่ได้จบนอกหรือเรียนอินเตอร์มานี่นา) รู้สึกท้อแท้มากจนกลายเป็นคนเงียบขรึมไประยะหนึ่ง

เดี๋ยวขอเล่าเรื่องราวกว่าจะได้เป็นมนุษย์ต่างด้าวอย่างถูกกฎหมายให้ฟัง อาจจะได้ไม่หมด ตกหล่น ขาดหรือเกินก็ขออภัย (แก่แล้วน่ะ)

มาถึงนี่เดือนแรกก็มาอยู่ในสถานะคู่หมั้น เพราะมาด้วยวีซ่าคู่หมั้น จะต้องรีบไปจดทะเบียนสมรส ภายใน 60 วัน (ถ้าจำไม่ผิด) เพื่อให้ได้ทะเบียนสมรส  จะได้เอาไปยื่นทำเรื่องต่างๆมากมาย ขั้นตอนการแต่งก็ไปขอใบอนุญาติแต่งงานที่ county ที่บ้านตัวเองขึ้นอยู่ จากนั้นกรอกข้อมูล แล้วก็รอครบกำหนดกี่วันก็จำไม่ได้หลังจากกรอกข้อมูล จึงจะสามารถไปแต่งงานกันได้

สรุปว่าได้แต่งงานเดือนมาราคม ไม่มีพิธีรีตองอะไรเลย ไม่ได้จัดงานแต่งอะไรหรอก รอกลับไปจัดงานแต่งที่เมืองไทยทีเดียว วันนี้ไม่ได้ใส่ชุดแต่งงาน ใส่แค่ชุดกระโปงขาวแค่นั้น มีแค่คนในครอบครัวมาเป็นพยายที่ศาลที่ทำเรื่องจดทะเบียน

มีรูปมาให้ดูนิดหน่อยพิธีในศาลวันนั้น



เสร็จแล้วก็ไปทานอาหารกลางวันฉลองร่วมกัน คุณพ่อสามีให้เงินก้นถุงมา 5000 เหรียญ พี่สาวกับน้องสาวเค้าให้เงินพร้อมห้องพักไปฮันนีมูนหลังจดทะเบียน


รอจนได้ทะเบียนสมรสมาแล้ว สามีก็พาไปขอ Social security number หรือหมายเลขประกันสังคมนั่นเอง (ตอนได้มา ข้างหลังมันระบุว่าอนุญาติให้ทำงานได้) ไอ้เจ้า Social Security ในอเมริกาเนี่ยสำคัญเพราะเอาใว้ใช้หลายอย่าง ทำโน่น นี่ เปิดบัญชีธนาคาร ผ่อนรถ กรอกเอกสารสำคัญของทางราชการ ทำธุรกรรมต่างๆ ทำใบขับขี่ ก็เข้าไปขอที่สำนักงาน Social Security   ขอแล้วก็รอประมาณ 2 อาทิตย์ก็ได้บัตรแล้ว บัตรนี้สำคัญนะ ได้มาก็เก็บให้ดี แล้วจำหมายเลยไว้ให้ขึ้นใจ จะได้ไม่ต้องพก เผื่อหายหรือถูกโขมย คนอื่นจะเอาหมายเลขไปใช้ได้


เสร็จแล้วก็ไปขั้นตอนต่อไปคือเดินเรื่องเอกสารปรับสถานะ (ขอกรีนการ์ดนั่นเอง) เพื่อจะได้อยู่ประเทศนี้อย่างถูกต้องตามกฏหมาย (ค่าธรรมเนียมประมาณ 500 เหรียญมั้ง) ช่วงนี้เริ่มอ่อนแอ อยากกลับบ้าน เพราะไปไหนก็ไม่ได้ ใบขับขี่ก็ยังไม่มี อยู่แต่ในบ้าน ข้างนอกก็มีแต่หิมะหนาเต็มไปหมด หนาวก็หนาว สามีก็ไปทำงาน อยู่บ้านเหงามาก (เมื่อก่อนยังไม่มี Facebook, Instagram นี่เนอะ) จะได้ออกนอกบ้านก็โน่น ก็ตอนสามีกลับมาจากทำงานนั่นแหล่ะ อาหารที่ทำเองก็ไม่เป็นสับปะรด คิดถึงเมืองไทยเข้าไปใหญ่ ดูวิธีทำใน Internet มั่ง โทรถามแม่มั่งว่าทำอะไรยังงัย ก็ยังไม่ค่อยอร่อยอยู่ดี อาการนั่งร้องให้อยู่บ้านแล้วคิดว่า เรามาทำที่นี่วะ ก็เกิดขึ้นมาซะงั้น


รอกรีนการ์ดอยู่ประมาณ 4 เดือน ในที่สุดก็ได้ตอนประมาณเมษายน 2007 แล้วก็ได้ใบอนุญาติทำงานหรือ work permit ด้วย พอได้มาทีนี้ก็เริ่มร่าง resume ซะที แต่จะบอกว่ามันไม่ได้หาง่ายๆหรอกนะ ประวัติการทำงานที่นี่ก็ไม่มี จบมาจากมหาลัยที่คนที่นี่ไม่รู้จัก เพราะไม่ใช้มหาลัยของเอมริกา สำเนียงภาษาก็ 

สุดท้ายหางานจนท้อ เงินที่ให้แม่ไว้ก็เริ่มร่อยหรอ สามีช่วยส่งที่บ้านทุกเดือนก็เกรงใจเค้าไหนจะเลี้ยงเราอีก อยากซื้อของก็ไม่กล้าขอมากเกรงใจ เพราะไม่เคยแบมือขอใคร (ถึงแม้เค้าจะให้ ATM เรากดเอง) สุดท้ายเลิกหางานวิศวะชั่วคราว แล้วไปทำงานในห้าง Target อยู่ 5-6 เดือน แล้วก็ไปทำงานในร้านอาหารไทยอีกเกือบ 2 เดือน ถึงได้กลับไปทำงานที่ตัวเองถนัดและภูมิใจอีกครั้ง

คราวนี้มาพูดเรื่องทำใบขับขี่มั่งดีกว่า ก็ต้องไปสอบข้อเขียนก่อนค่ะ มี 30 ข้อได้มั๊ง จำไม่ได้แล้ว ต้องทำให้ผ่าน 70% ถึงจะผ่าน ก่อนไปสอบก็ดาวน์โหลดหนังสือคู่มือ กฏการขับรถในอเมริกามาอ่านอย่างเคร่งเครียด ประหนึ่งว่ากำลังจะไปสอบเข้ามหาลัย เครียดมากอ่านแม่งทั้งวัน ผลการสอบนะหรอ สอบตกน่ะสิ สามีก็ปรอบใจไม่เป็นไร เอาใหม่ ค่อยไปสอบใหม่ (เกรงใจสามี จะไปไหน ทำอะไรแต่ละครั้งเธอต้องลางานไปด้วย) สอบตกไม่ใช่ว่าเพราะแปลไม่ออกนะ แต่บางคำตอบมันกำกวมคล้ายๆกัน ข้อสอบเค้าก็มีให้เลือกหลายภาษานะ ยกเว้นภาษาไทย :(  

ครั้งนี้ก็เสียค่าธรรมเนียไปอีก 20 เหรียญถ้าจำไม่ผิด ก่อนเริ่มสอบเค้าก็จะมีให้อ่านตัวอักษร  เช็คตาบอดสี ไรประมาณนั้นเหมือนบ้านเราแหล่ะ เสร็จแล้วก็ไปนั่งสอบโดยใช้คอมพิวเตอร์ อีกสองอาทิตย์ต่อมาไปสอบใหม่ สอบครั้งที่สองนี้ผลปรากฏว่าผ่านค่ะ  ที่ผ่านเพราะอะไรน่ะหรอ ไม่ได้ไปติวอะไรมาหรอก แต่เพราะว่าจำคำตอบตอนทำข้อสอบครั้งก่อนได้  ตอนสอบครั้งแรก พอทำข้อสอบข้อหนึ่ง คอมพิวเตอร์มันจะเฉลยคำตอบที่ถูกต้องเรา คราวนี้สามีแสดงความภูมิอกภูมิใจมากในภรรยามาก สอบเสร็จเค้าให้ใบอะไรนะสีเหลือง เป็นใบอนุญาติชั่วคราวให้เราขับรถได้แต่ต้องมีคนขับรถที่มีใบขับขี่นั่งไปกับเราด้วย เราไม่สามารถขับคนเดียวได้จนกว่าเราจะได้ใบขับขี่หลังการสอบขับรถ (road test)

ก่อนไปสอบขับรถบนถนน สามีก็พาไปฝึกฝนการขับรถ การถอยหลังเข้าซอง การจอดรถคู่ขนาน เพราะว่าที่นี่ขับรถคนละข้างกะที่เมืองไทย เธอพาไปที่ลานจอดรถโรงเรีบนแถวบ้าน ลงทุนซื้อโป่งมาเป่าแล้วมัดกับหิน ทำเป็นช่องเป็นแนวสำหรับให้หัดเข้าซองกะจอดคู่ขนาน (คงกลัวภรรยาสอบตกแน่ๆ) พอมั่นใจในทักษะของภรรยาพอสมควร (ขอเน้นว่าพอสมควร) ก็ไปนัดสอบขับรถละทีนี้ 

การสอบขับรถก็คือสอบบนถนนจริงในเขตของที่ทำการทำใบขับขี่แหล่ะ ปัญหาของเราคือคนที่จะมาสอบดันมานั่งในรถกับเราสองคน เมืองไทยคนสอบเราก็แค่ยืนมองข้างนอก ทีนี้ก็เกิดอาการสั่นและกดดันสิค่ะ (ถึงจะรู้มาก่อนอยู่แล้วว่าต้องเป็นแบบนี้) ไหนจะต้องคอยคำสั่งภาษาอังกฤษโน่น นั้นนี่  ไหนต้องดูป้ายตามถนน ไหนต้อง acting โยกหัว โยกตัวมองกระจกข้างให้ชัดเจน จะมาใช้สายตาตวัดดูกระจกไม่ได้นะคะที่นี่ ก่อนขับเค้าก็จะให้เราตรวจเช็คอุกกรณ์ในรถเรา ตรวจไฟ บีบแตร เปิดไปเลี้ยวให้ดู เผอิญทักษะการฟังดี ก็เลยผ่านไปได้ขณะขับรถทางตรง (รถคันที่เอามาขับเป็นรถพ่อสามีให้มาใช้ คือให้เลย แล้วบอกว่าถ้าซื้อใหม่ก็ขายคันนี้ไป แล้วให้เก็บตังค์ไว้ โห ใจดีมากอ่ะ อีกหนึ่งความโชคดีเรื่องครอบครัวสามี น่ารักมาก)

มาถึงตอนสำคัญละทีนี้ให้ถอยรถเข้าซองค่ะ (ต้องถอยครั้งเดียวผ่านด้วยนะ) มันก็เกิดอาการเกร็งประหม่าขึ้นมาทันที ถอยไปไม่เข้าซองเต็มร้อย (สามีบอกว่าตอนยืนดูอยู่ ใจหายเลย คิดว่ามันทำอะไรของมันวะ) เรามองหน้าคนสอบแล้วยิ้มอย่างสาวไทย แล้วถามขอลองใหม่อีกครั้งได้มั๊ยอ่ะ (พร้อมทำหน้าอ้อนวอน) คนสอบใจดีอ่ะเลยให้ลองอีกครั้ง คราวนนี้ผ่าน ต่อไปให้ขับขึ้นเนิน แล้วให้จอดเพื่อจะดูว่าเราหักล้อไปทางไหน ถูกต้องมั๊ย  แม๊ อุตส่าห์ท่องมาเป๊ะ พอสอบจริงๆลืมหมด ตอนจอดคิดหนักว่าจะหักพวงมาลัยไปทางไหนดี สุดท้ายคนสอบบอกว่าที่เธอทำน่ะมันตรงข้างกับที่ควรจะทำเลย สรุปผิดกฏอีกแล้ว

เอาล่ะๆเล่ามาซะยาว สุดท้ายแกก็ให้ผ่าน แต่แกมี comment ว่า “Poor parallel parking” หรือจอดรถห่วยนั่นเอง จะบอกว่าไม่ได้ห่วยที่นี่ที่เดียวนะคะ ตอนอยู่ไทยก็ห่วยไม่แพ้กันค่ะ  เฮ้อ ช่วงสอบใบขับขี่ก็เป็นอีกช่วงที่เครียดมาก กว่าจะผ่านอะไรแต่ละขั้นตอน มันไม่ได้มาง่ายๆเลย ใครว่าอยู่เมืองนอกสบาย
 
ก่อนจบ มีรูปพิธีแต่งในเมืองไทยมาให้ดูเป็นน้ำจิ้ม ไม่ได้จัดงานใหญ่โตอะไร จัดแบบบ้านนอกเราทั่วๆไปล่ะ รูปก็ช่างแถวบ้าน ดูแล้วอย่าเอาไปเปรียบกะงานแอฟ ทักษอร เชียว 5555




                               ตักบาตรพระหน้าบ้านปกติ ก่อนงานเริ่ม

             อาหารถวายพระ


  สินสอดนิดหน่อย พอเป็นพิธี

 
   ตั้งขบวนขันหมาก


  ของชำร่วยงานตอนเย็น

8 comments:

  1. สวัสดีค่ะ..ชื่อพลอยนะค่ะ..พลอยเพิ่งมาอยู่ที่นี่ได้ 5 วันเองค่ะพลอยมาในโครงการinternship ค่ะเเค่1 ปี..ทำงานที่ โรงเเรม มาริออท ค่ะ เริ่มงานวันจันทร์ ไม่มีเพื่อนคนไทยเลยค่ะ..เหงาเหมือนกัน..ไม่รู้จะรบกวนพี่มากเกินไปหรือเปล่า.เเต่พลอยอยากทำงานเพิ่มนะค่ะ.เพราะอยากใช้เวลา 1 ปีที่นี้ให้คุ้มที่สุด..พี่พอจะเเนะนำร้านอาหารไทย...ให้พลอยหน่อยได้ไหมค่ะหรือไม่ก็ร้านอะไรก็ได้ค่ะ...ตอนนี้พลอยอยู่เเถวMiniepolisใกล้กับ Mall of Amarica...ที่จิงเเล้วพลอยอยากเจอพี่นะค่ะ....เพราะไม่มีใครที่พอจะให่ข้อมูลเกี่ยวกับท่ี่นี่ได้เลย....เเต่กลัวว่าจะเป็นการรบกวนพี่มากเกินไป.....เเค่พี่เเนะนำพลอย..ในสิ่งที่ควรจะทำเมื่ออยู่ที่นี่..ก็น่าจะพอเเล้ว....ถ้าพี่เห็นข้อความพลอย....ติดต่อพลอยหน่อยนะค่ะ...พลอยไม่รู้จะคุยกับใครจิงๆ.นี่เบอร์พลอยนะค่ะ 612-812-3917....ขอให้พี่เปิดข้อความนี้นะค่ะ...พี่คงช่วยหนูได้เยอะเลย

    ReplyDelete
  2. สวัสดีค่ะน้องพลอย พี่หน่อยค่ะ (คิดว่าเป็นพี่เพราะพี่จะ 40 แล้ว อิอิ) ยินดีมากเลยถ้าอยากมีเพื่อนๆพี่ทำงานค่ะเป็น engineer มีเพื่อนรุ่นน้องคนไทยเป็น engineer อีกคนที่นี่ เราสองคนยินดีมากที่จะแนะนำที่นี่ แต่พี่สองคนก็ไม่รู้จักคนไทยมาก มีรู้จักพี่เจ้าของร้านอาหารใน St Paul ที่นับถือคนนึง อาหารอร่อยที่สุดเท่าที่ได้ชิมร้านอาหารไทยมา มีอะไรก็โทรมาได้ มี email มั๊ยค่ะหรือเฟช พี่จะบอกเบอร์โทรให้ เป็นงัยคะมาเจอหิมะวันนี้ หนาวป่าว

    ReplyDelete
    Replies
    1. ร้านอาหาารไทย อยู่แถวไหนคะ

      Delete
  3. ขออนุญาตฝากลิงค์นะคะ
    คาสิโนออนไลน์ ฝาก-ถอน ได้ทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง
    สามารถเล่นบนเบราเซอร์ที่มีอยู่ในมือถือได้เลย ใช้ง่ายเล่นได้ทั้งวันทั้งคืน ! ที่นี่เลยค่ะ
    https://www.111player.com

    ReplyDelete
  4. สวัสดีค่ะพี่หน่อย หนูชื่อนกนะคะ มาหาแฟนที่นี่เป็นครั้งที่ 2 ค่ะ รอบนี้มา 6 เดือน และอยู่บ้านเหงามากเลยค่ะ พอได้อ่านข้อความที่พี่แชร์แล้วรู้สึกดีใจมากเพราะไม่รู้จะปรึกษาหรือคุยกับใครในเรื่องการใช้ชีวิตอยู่ที่นี่จริงๆ หากไม่รบกวนพี่เกินไป นกรบกวนติดต่อพี่ได้ไหมค่ะ นกอยู่แถว Bloomington หากพี่สะดวกให้เพสบุค หรือเบอร์โทรกลับ โทรศัพท์นกหมายเลข 6128508607 ค่ะ

    ReplyDelete
  5. ใช้ FB ชื่อไรคะ เดี๋ยวพี่ request ไปก็ได้

    ReplyDelete