Tuesday, December 25, 2012

หนาวนี้ที่ Minnesota (Wintertime fun in Minnesota)

บล็อกนี้มาล่ากว่าหัวเรื่องไปนิ๊ดส์ มัวยุ่งเรื่องซื้อของช่วงเทศกาลคริสต์มาส ยุ่งที่ทำงาน สุขภาพไม่อำนวย สามีแบน...ห้ามออกนอกบ้านมั่งไรมั่ง วันนี้วันหยุดจิงเกิลเบล์เลยได้กษ์เขียนซะที

หน้าหนาวหรือ Winter ปีนี้เริ่มอย่างเป็นทางการวันที่ 21 ธันวาคม 2012 ที่ผ่านมา แต่ในความเป็นจริงเรา (คนไทย) รู้สึกว่ามันเริ่มหนาวเย็นมาสักพักแล้วสำหรับเรา มันหนาวมาตั้งแต่เดือนพฤจิกายนที่ผ่านมาเพราะมันเริ่มไต่ลงไปที่ 0 องศาเซลเซียสตั้งแต่หลังฮาโลวีน จนกระทั่งมาเดือนธันวาคมนี้นี่ก็เริ่มติดลบแล้ว >_< หนาวเย็นจับจิตจับใจ บวกกับผ่าตัดมายังใส่กางเกงไม่ได้เพราะมันรัดแผลที่ผ่าตรงท้อง เลยต้องใส่เดรสไปทำงาน ลมพัดมาแต่ละทีนี่สุดบรรยายอ่ะ หนาวอย่างเดียวนี่ไม่เท่าไรเราอยู่ได้ แต่วันไหนมีลมแรงนี่หนาวบาดเนื้อมาก (หนาวอย่างเดียวอยู่ได้แต่ถ้าลมแรงมานี่ชั้นจะทนอยู่ได้ยังงัย >_< ) นี่ขนาดยังไม่ใช่เดือนที่หนาวที่สุดของรัฐนี้นะ เดือนมกราคมโน่นถึงเป็นเดือนที่หนาวที่สุดอุณหภูมิอาจลงไปได้ถึง -30 องศาเซลเซียสเลยทีเดียว เพราะฉะนั้นอยู่นี่แอคเซสเซอรี่นี่ต้องพร้อม หมวก ถุงมือ ผ้าพันคอ ติดกระเป๋าไว้ตลอดเวลา สามีถึงขนาดเราเอาผ้าห่มติดไว้ในรถให้เลย จะบอกว่าอากาศที่นี่สามารถเปลี่ยนแปลงขึ้นลงได้ถึง 15-20 องศาได้ภายในหนึ่งวัน ฉะนั้นเราต้องเตรียมพร้อมเสมอ  
หลายคนถามว่าแกอยู่ได้ยังงัยวะ จริงๆอากาศมันเริ่มเย็นมาเรื่อยๆตั้งแต่หน้าฤดูใบไม้ร่วงหรือ Fall ร่างกายเราก็ค่อยๆปรับไปได้เรื่อยๆพอมันหนาวมากๆร่างกายมันเลยไม่ได้แย่มากหรือแบบว่าชั้นจะแข็งแล้ว ไรประมาณนั้น แล้วอีกอย่างในบ้าน ในรถ ก็มี heater หรือเรียกว่าเครื่องทำความร้อนนั่นแหล่ะมั๊ง นอกจากว่าถ้าอยู่ข้างนอกนานๆ อันนั้นก็ไม่ไหวเหมือนกัน มือไม้ชา ขาสั่นไปหมด แม่ถามว่าเวลาหิมะตกหรือจับหิมะนี่มันรู้สึกยังงัย เลยบอกแม่ว่าเหมือนแม่เรามือไปลูบน้ำแข็งฝอยๆในช่องแช่แข็งในตู้เย็นล่ะ มองเหนภาพเลยมั๊ย บอกแม่ว่าสักวันจะพาแม่มาหน้าหนาว แต่ไม่รู้แม่จะทนได้หรือเปล่านะ 

ถ้าเรามองไปอีกแง่ในทางที่ดีว่าฤดูที่นี่เปลี่ยนชัดเจนทุกฤดู มันทำให้เราได้เห็นสิ่งต่างๆ ผู้คน เปลี่ยนแปลงตลอดๆ มันก็ทำให้จิตใจเรามีความสุขได้ แต่ละฤดูก็สวยแตกต่างกันไป หน้าหนาวก็สวยแบบขาวๆ เหงาๆ ไปอีกแบบ หิมะตกทีไรนึกถึงเพลงพี่เบิร์ดทุกที "หิมะที่ตกอยู่ทางนี้ หนาวถึงคนทางโน้น" ส่วนเราก็ได้สนุกกะการแต่งตัว รองเท้าบูท ผ้าพันคอ หมวกไหมผม ไปตามประสา 555 (มันเกี่ยวกันมั๊ย???)...พอแล้วๆ

มาดูรูปกันดีกว่า

 น้องกวางมาเยี่ยมถึงประตูหลังบ้าน
 ลำธารข้างบ้านเสมือนเป็นรั้วกั้นกับเพื่อนบ้าน
 เพื่อนบ้านอีกฟากลำธาร
เค้าว่าฟ้าหลังฝนสวยเสมอ เช้าวันใหม่หลังหิมะตก พระอาทิตย์กำลังขึ้น สวยดี
 
 ทางเข้าบ้าน
 โรงรถหลังบ้าน
Snow Angel (ดูออกกันมั๊ย ลงไปนอนแล้วกกางแขนกางขากวาดไปมาจนได้รูปนี้ออกมา...สามีบอกให้ทำ ไม่ได้ดูอายเมียเลย)
 บรรยากาศตอนหิมะกำลังตก
 เคลียร์พื้นที่บน driveway หิมะสูงเกือบเข่า
 ถนนหน้าบ้าน
 
 snowmobile ของสามีกับเพื่อนซี้ พวกนี้นะ หิมะตกทีเป็นปลากระดี่ได้น้ำ
ถ้ามันหักแล้วตกลงมาใส่หัวนี่ไม่อยากจะนึกภาพเลย
 
 
 

เดี๋ยวเอาไว้หิมะตกคราวหน้าจะออกไปถ่ายไกลๆบ้านแล้วมาอัพให้ดูใหม่ แล้วจะไปถ่ายแถวทะเลสาบที่มันกลายเปนน้ำแข็งมาให้ดูนะ

Wednesday, December 5, 2012

Christmas time is here...เทศกาลแห่งความสุขจริงๆ

หายไปนานหลังจากบล็อกครั้งก่อน...อ่านกันทันมั๊ยอ่ะ ไฟมันแรงเลยโหมโรงเขียนบล็อกเยอะไปจนเพื่อนๆบอกว่าอ่านๆไม่ทัน >_< ตอนนี้อาการดีขึ้นตามลำดับเลยอยากอัพบล็อกสั้นๆเพื่อให้เข้ากับบรรยากาศเทศกาลที่กำลังใกล้จะมาถึงซะหน่อย นั่นก็คือเทศกาลวันคริสต์มาส 
คริสต์มาสเป็นวันแห่งการเฉลิมฉลองวันประสูติของพระเยซู และเป็นการฉลองความรักที่พระเจ้ามีต่อมนุษย์โลก ก็ไม่ค่อยเกี่ยวกับเราชาวพุธเท่าไร มีคนที่นี่ถามเราว่าเราเชื่อในวันคริสต์มาสหรือเปล่า ก็บอกเค้าไปว่าจริงๆแล้วไม่หรอกแต่เมื่อเข้าเมืองตาหลิ่วก็ต้องหลิ่วตาตามอย่างที่ฝรั่งพูดว่า when in Rome, do as the Romans do แต่ก็มีความสุขได้จับจ่ายซื้อของขวัญ ได้ตกแต่งบ้าน ได้เห็นถนนหนทางเต็มไปด้วยไฟสีสันตางๆข้างทางเต็มไปหมด

ปกติที่บ้านจะเริ่มตกแต่งต้นคริสต์มาสทันทีในคืนหลังวัน Thanksgiving หรือวันขอบคุณพระเจ้าของฝรั่งซึ่งเป็นวันหยุดยาว จะมีขึ้นทุกพฤหัสที่ 4 ของเดือนพฤศจิกายนของทุกๆปี วันนี้คนที่อยู่ไกลบ้านนก็กลับบ้านกันเพื่อไปฉลองกับคนในครอบครัวหรือคนใกล้ชิด อาหารหลักก็คือไก่งวง (turkey), ขนมปังข้าวโพด (Corn bread) กับซอสแครนเบอร์รี่ (Cranberry sauce) และพายฟักทอง (Pumpkin pie) แล้วคืนวันนั้นบรรดาร้านค้าต่างๆ จะลดราคาแบบลดแล้วลดอีกแบบตะบะแตกกันไปเลย เริ่มลดกันตั้งแต่เที่ยงคืนจนถึงตอนเช้าของวันศุกร์ซึ่งเรียกกันว่า “Black Friday” คนมากมายก็ไปยืนรอเข้าคิวซื้อของกันก่อนเที่ยงคืน เช่นที่ Best Buy, Walmart อะไรพวกนี้ แต่เราไม่เคยไปเลย มีปีนี้ที่ให้สามีปลุกตอนเที่ยงคืนลุกมา shopping online (สังขารไม่เป็นอุปสรรค :) )

ปีนี้กว่าที่บ้านจะตกแต่งต้นคริสมาสต์ได้ก็ปาไปหนึ่งอาทิตย์หลังจาก Thanksgiving เพราว่าตัวเองเพิ่งออกจากโรงพยาบาลเคลื่อนไหวมากไม่ได้ คุณสามีก็ยุ่งกะงาน กลับมาบ้านต้องทำอาหาร ล้างจาน ซักผ้า ดูแลภรรยา (เล่นเกมส์มั่งไรมั่ง) เลยไม่มีเวลาตกแต่งต้นคริสต์มาสในวัน Thanksgiving 

มาดูกันว่าการตกแต่งเล็กๆน้อยๆปีนี้เป็นงัยมั่ง  

ต้นคริสต์มาส น่าจะเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ ซึ่งต้นคริสต์มาสก็คือต้นสนที่นำมาประดับประดาด้วยไฟสีสันต่าง, ornament (เครื่องประดับชิ้นเล็กๆ ที่ใช้ตกแต่งต้นคริสต์มาสให้เกิดความสวยงาม ระยิบระยับตา) ที่ใต้ต้นคริสต์มาสจะมีของขวัญวางเรียงไว้มากมาย บางบ้านเค้าจะตกแต่งประตูบ้านและขอบเตาผิงด้วยหรีดกิ่งสนและต้นฮอลลี (อยากมีมั่ง แต่เตาผิงบ้านเราไม่ได้ออกแบบให้เหาะกับการนี้เท่าไร)  

บางบ้านก็ใช้ต้นสนสดๆจริง แต่บ้านเราใช้ต้นสนปลอมเพราะขี้เกียจดูแลให้มันอยู่รอดจนถึงมกราคมแล้วพอหมดเทศกาลก็ต้องหาแหล่งที่จะเอาไปทิ้งอีก ดูมันวุ่นวาย แต่ใจจริงก็อยากใช้ต้นจริงๆสดๆแหล่ะคงได้บรรยากาศไปอีกแบบ เดี๋ยวปีหน้าค่อยว่ากันอีกที

ต้นฮอลลี่ เป็นอีกสัญลักษณ์ของวันคริสต์มาส เค้าเชื่อกันว่า สีเขียวของต้นฮอลลี่มีความหมายถึง การมีชีวิตอยู่ชั่วนิรันดร์ ผลสีแดงของต้นฮอลลี่นั้นหมายถึงหยดเลือดของพระเยซูที่ไหลลงบนไม้กางเขน
ของขวัญก็เป็นอีกอย่างที่คู่กับวันคริสต์มาส การแลกเปลี่ยนของขวัญในวันคริสต์มาสก็ขึ้นอยู่กับประเพณีนิยมของแต่ละครอบครัวจะทำกัน อย่างปีนี้จัดวันคริสต์มาสที่บ้านเรา เราก็ใช้วิธีจับชื่อว่าใครซื้อให้ใครแล้วก็เก็บเป็นความลับแล้วส่งเมลไปบอกแต่ละคนว่าใครต้องซื้อของขวัญให้ใคร ส่วนของขวัญแลกเปลี่ยนระหว่างเรากับสามีก็จะส่ง wish list ให้กันว่าใครอยากได้อะไรปีนี้ แต่จริงๆก็อาจจะไม่ได้ทุกอย่างอย่างที่เราต้องการหรอกนะ สุดแล้วแต่ว่าจะเลือกซื้ออะไรให้
ถุงเท้า แขวนถุงเท้าคริสต์มาสไว้ เพื่อหวังจะได้รับของขวัญจาก Santa อีกช่องทางหนึ่ง เผื่อ Santa ลงมาทางปล่องไฟตอนเราเข้านอนแล้ว แล้วแอบเอาของขวัญพิเศษใส่ไว้ในถุงเท้าให้ :)
สังเกตุกันมั๊ยว่าเราจะเห็นแต่สีแดง สีเขียว สีขาว สีทองตกแต่งตลอดในวันคริสต์มาส เพราะเค้าเชื่อกันว่า


สีแดง เป็นสีของผลฮอลลี่และซานตาครอส เป็นสีของเดือนธันวาคม


สีเขียว เป็นสีของธรรมชาตื หมายถึงความอ่อนเยาว์และความหวัง เค้าเปรียบว่าเทศกาลคริสต์มาสก็คือเทศกาลแห่งความหวัง

สีขาว เป็นสีของหิมะ เป็นสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์ ความสุข สีขาวนี้ก็จะเห็นบนเคราและชายเสื้อของซานตาครอส
 
สีทอง เป็นสีของเทียนและดวงดาว เป็นสัญลักษณ์ของแสงอาทิตย์และความสว่าง
ของที่ตกแต่งในบ้านก็มีสีประมาณนั้นแหล่ะ


 
 
 
 
 

สุดท้ายคริสต์มาสปีนี้ได้มีโอกาสไปอบคุ๊กกี้กะแม่สามีและน้องสาว มันเป็นอารมณ์ที่มีความสุข เปิดเพลงคริสต์มาสคลอไปด้วย ถือเป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ดีๆของชีวิต
 ทำโดยคุณแม่สามี ส่วนเราเป็นคนตกแต่ง หวานมั๊ยล่ะ
 คุ๊กกี้อันนี้ทำโดยคุณสามี รดชาดอร่อยเลยล่ะ สาเหตุที่เธอต้องทำเพราะว่าเราจะต้องเอาไปแร์กะที่ทำงาน เธอเลยทำให้ ขอบคุณทุกสิ่งดีๆที่เธอทำให้เราตลอดปี 2012 :)